---

อุปกรณ์ป้องกันเสียงมีกี่ประเภท

อุปกรณ์ป้องกันเสียงมีกี่ประเภท? โดยอุปกรณ์ป้องกันเสียงสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ตามรูปแบบลักษณะการใช้งาน ซึ่งแต่ละประเภท จะมีรูปแบบที่แยกย่อยไปอีก ดังนี้

ที่อุดหูนิรภัยแบบปลั๊ก (Earplugs)

ที่อุดหูนิรภัย (Earplugs) เอียปลั๊กคืออุปกรณ์ป้องกันเสียงที่ผลิตขึ้นจากวัสดุที่มีความยืดหยุ่น เพื่อที่จะสามารถทำให้สอดเข้าไปพอดีกับรูหูได้ เช่น พลาสติก โฟม ฟองน้ำเทียม ยาง ใยหิน ใยแก้ว เป็นต้น ที่อุดหูนิรภัยเหมาะสำหรับใช้ลดเสียงที่มีความถี่ต่ำกว่า 400 เฮิรตซ์ (Hz) และระดับเสียงที่ดังไม่เกิน 100 เดซิเบล (dB) ซึ่งจะสามารถช่วยลดระดับเสียงไปได้ประมาณ 15-25 เดซิเบล (dB)

ที่อุดหูนิรภัยยังสามารถแบ่งย่อยตามลักษณะรูปร่างได้เป็น 3 ประเภท มีประโยชน์และข้อเสียที่แตกต่างกัน ได้แก่

• ที่อุดหูนิรภัยที่ต้องปั้นให้เป็นรูปร่างก่อนใช้ โดยจะต้องปั้นให้มีขนาดเล็กกว่ารูหูเพื่อที่จะให้เอียปลั๊กเข้าไป และขยายตัวจนพอดีกระชับเข้ากับรูหู ซึ่งจะทำให้มีประสิทธิภาพในการป้องกันเสียงดังได้ดีกว่าที่อุดหูนิรภัยชนิดอื่น ส่วนใหญ่เอียปลั๊กชนิดนี้มักจะเป็นรูปแบบใช้แล้วทิ้ง ทำให้สิ้นเปลือง และสกปรกได้ง่าย เนื่องจากต้องใช้มือปั้นก่อนทุกครั้ง

• ที่อุดหูนิรภัยแบบขึ้นรูปสำเร็จ จะมีก้านสำหรับจับและดันเข้าไปในรูหู แต่จะเข้าไปได้ไม่มากเท่าที่อุดหูนิรภัยที่ต้องปั้นเป็นรูปร่าง และอาจทำให้ระคายเคืองหูได้ แต่เมื่อใช้เสร็จแล้วสามารถนำไปทำความสะอาด แล้วนำกลับมาใช้ซ้ำได้อีกหลายครั้ง

• ที่อุดหูนิรภัยแบบสั่งทำเฉพาะบุคคล โดยจะต้องทำการวัดขนาดหูและขึ้นรูป ผลิตให้เอียปลั๊กมีขนาดที่เหมาะสมกับรูหูของแต่ละบุคคล จึงทำให้มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างแพงกว่าที่อุดหูนิรภัยชนิดอื่น

ที่ครอบหูนิรภัย (Earmuffs)

ที่ครอบหูนิรภัย (Earmuffs) เอียมัฟ คือ อุปกรณ์ป้องกันเสียงที่ครอบปิดใบหู มีลักษณะคล้ายกับหูฟังแบบคาดศีรษะ ผลิตขึ้นจากพลาสติกและโลหะ ที่ครอบหูนิรภัยเหมาะสำหรับใช้ลดเสียงที่มีความถี่สูงกว่า 400 เฮิรตซ์ (Hz) สามารถช่วยลดระดับเสียงไปได้ประมาณ 25-40 เดซิเบล (dB) โดยประสิทธิภาพในการป้องกันเสียงดังของเอียมัฟ ขึ้นอยู่กับขนาด รูปทรง โครงสร้างของอุปกรณ์ และคุณภาพของวัสดุที่ใช้ในการผลิต

ที่ครอบหูนิรภัยมีความแข็งแรงทนทานและช่วยป้องกันเสียงดังได้ดีกว่าที่อุดหูนิรภัย สามารถปรับระดับให้เข้ากับผู้สวมใส่ นำกลับมาใช้ซ้ำได้หลายครั้ง บางรุ่นก็พับเก็บได้ทำให้ประหยัดพื้นที่ แต่ที่ครอบหูนิรภัยก็มีราคาที่สูงกว่า และต้องการการดูแลรักษาที่ต้องใส่ใจมากกว่าที่อุดหูนิรภัยด้วยเช่นกัน เอียมัฟมีทั้งแบบที่คาดไว้บนศีรษะ และแบบที่ประกอบติดอยู่กับหมวกนิรภัยได้ ซึ่งสามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม 

สินค้าอุปกรณ์ป้องกันเสียงได้มาตรฐาน

การเลือกอุปกรณ์ป้องกันเสียงนอกจากจะเลือกจากประเภทที่เหมาะสมต่อการใช้งานแล้ว ยังต้องเลือกอุปกรณ์ป้องกันเสียงดังที่ได้มาตรฐาน เพื่อที่จะป้องกันเสียงดังรบกวนจากการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ที่อุดหูนิรภัย รุ่น EARPRO-S พร้อมกล่องบรรจุ

ที่อุดหูนิรภัย รุ่น EARPRO-S มีลักษณะเป็นรูปต้นสนสามชั้น สีเหลืองเข้ม ผลิตจากซิลิโคลน มีความอ่อนนุ่มเป็นพิเศษ ทำให้สวมใส่สบายไม่ระคายเคือง ยากต่อการถูกดึงออก ใส่ได้กับทุกใบหู ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง เอียปลั๊กทุกคู่บรรจุในกล่องที่แข็งแรง 

ที่อุดหูนิรภัย รุ่น EARPRO-S มาพร้อมสายลดเสียงผลิตจากวัสดุยางสังเคราะห์ เรืองแสงได้ และไม่มีเสียงรบกวนขณะปฏิบัติงาน ช่วยลดเสียงดังรบกวนในการปฏิบัติงานได้ 27 เดซิเบล (dB) เมื่อใช้เสร็จแล้วสามารถนำมาล้างทำความสะอาด เพื่อเก็บไว้ใช้ในครั้งต่อไปได้ ทำให้ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย 

ที่ครอบหูนิรภัย 3M รุ่น H10P3E ชนิดประกอบหมวกนิรภัย

ที่ครอบหูนิรภัย 3M รุ่น H10P3E เป็นเอียมัฟรูปแบบที่ใช้งานกับหมวกนิรภัย ทำให้ช่วยกระจายแรงกดทับศีรษะ เพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้สวมใส่ มีความแข็งแรงทนทาน ผ่านการรับรองมาตรฐาน ANSI S3.19-1974 ก้านแถบคาดศีรษะทำจากสเตนเลส สามารถปรับความยาวได้ และยึดติดกับครอบหูทั้งสองข้าง

สำหรับที่ครอบหูนิรภัย 3M รุ่น H10P3E ออกแบบแผ่นรองฝาครอบหูให้มีความหนานุ่มเป็นพิเศษ เพื่อช่วยเพิ่มความกระชับ และลดแรงกดทับรอบใบหู ทำให้สวมใส่สบายไม่เจ็บหู ช่วยลดเสียงดังรบกวนได้ 27 เดซิเบล (dB) พร้อมทั้งยังสามารถป้องกันเสียงดังสูงสุดถึง 105 เดซิเบล (dB) ทำให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างปลอดภัย

ที่ครอบหูนิรภัย 3M Peltor Optime 98 รุ่น H9A

ที่ครอบหูนิรภัย 3M Peltor Optime 98 รุ่น H9A เป็นเอียมัฟรูปแบบคาดบนศีรษะ มีความกระชับตลอดระยะเวลาที่ใช้งาน สวมใส่ง่ายเหมาะกับทุกขนาดศีรษะ แถบคาดศีรษะมีน้ำหนักเบายึดกับครอบหูข้างละ 2 จุด ช่วยกระจายแรงกดที่ศีรษะ เพิ่มความสบายขณะสวมใส่ มีแข็งแรงความทนทาน ผ่านการรับรองมาตรฐาน ANSI 3.19-1974

สำหรับรุ่น H9A จะมีแผ่นรองฝาครอบหูที่นุ่มเป็นพิเศษ เพิ่มความกระชับ ลดแรงกดทับรอบใบหู ป้องกันการสั่นพ้อง (Resonance) ลดเสียงดังรบกวนได้ 25 เดซิเบล (dB) และสามารถป้องกันเสียงดังสูงสุดถึง 98 เดซิเบล (dB) เหมาะสำหรับการใช้งานในโรงงานที่มีเครื่องจักร โรงงานทำแผ่นโลหะ โรงเรียน โรงพิมพ์ และโรงงานผลิตสิ่งทอ

หลักเกณฑ์การเลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันเสียงให้เหมาะสม

การเลือกอุปกรณ์ป้องกันเสียงจะต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับประเภทหรือลักษณะของงาน ถ้าหากเราเลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันเสียงที่ไม่เหมาะสมกับงาน อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงาน หรืออาจทำให้เกิดอันตรายต่อระบบการได้ยิน

ไม่เป็นอุปสรรคต่องานและการสื่อสาร

ในการปฏิบัติงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในสถานที่ใดการสื่อสารกับผู้ร่วมงาน ย่อมเป็นสิ่งสำคัญเสมอ จึงต้องเลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันเสียงที่สามารถลดเสียงดังรบกวนได้ดี และจะต้องไม่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงาน รวมถึงการสื่อสารกับเพื่อนร่วมงาน เพื่อให้งานสามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่นปลอดภัย

ระดับเสียงที่ต้องการลด

อุปกรณ์ป้องกันเสียงจะมีตัวเลขบอกปริมาณความสามารถในการลดเสียง เป็นค่า NRR เช่น ค่าการลดเสียง NRR 27 เดซิเบล (dB) โดยค่า NRR เป็นการทดสอบการป้องกันเสียงดังในห้องทดลอง ซึ่งจะได้ตัวเลขออกมาสูงกว่าค่าที่วัดได้ในสภาพการใช้งานจริง ดังนั้นอุปกรณ์ป้องกันเสียงอาจมีความสามารถในการลดเสียงดังรบกวน น้อยกว่าค่า NRR ที่กำหนดไว้

ระดับเสียงที่ต้องเผชิญ

ก่อนการปฏิบัติงานควรประเมินระดับเสียงที่ต้องเผชิญก่อนว่ามีความดังมากเพียงใด เช่นถ้าระดับเสียงน้อยกว่าหรือเท่ากับ 100 เดซิเบล (dB) ควรเลือกใช้ที่อุดหูนิรภัย หรือที่ครอบหูนิรภัย เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ถ้าหากระดับเสียงมากกว่า 100 เดซิเบล (dB) ควรใช้ที่อุดหูนิรภัยและที่ครอบหูนิรภัยควบคู่กัน เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อภาวะการสูญเสียการได้ยิน

หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันเสียง ถังดับเพลิง และอุปกรณ์เซฟตี้ ซานโต ไฟร์ (Santo Fire) เรายินดีให้คำปรึกษาฟรี พร้อมแนะนำวิธีใช้งาน มีผู้เชี่ยวชาญคอยให้บริการคุณตลอดเวลา นอกจากนี้เรายังมีอุปกรณ์เซฟตี้คุณภาพดี มีมาตรฐาน ราคาประหยัดอีกมากมาย สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เบอร์โทร 02-245-9560, 02-248-3087 Email: st.santofire@gmail.com Line: @santofire