ทำไมต้องมีถังดับเพลิงในรถยนต์
เหตุเพลิงไหม้หรืออัคคีภัยสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา อาจเกิดมาได้จากสาเหตุหลากหลายประการด้วยกัน เช่น อุบัติเหตุ ความประมาท หรือภัยธรรมชาติ เหตุเพลิงไหม้เหล่านี้จะนำมาซึ่งความสูญเสียทั้งแก่ทรัพย์สิน ร่างกาย หรือกระทั่งถึงชีวิตของท่าน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีอุปกรณ์ดับเพลิงไว้เพื่อป้องกันหรือบรรเทาเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นได้
“ถังดับเพลิงติดรถยนต์” ถือเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องมีติดรถยนต์ไว้ เพราะหากเกิดเหตุเพลิงไหม้ในรถยนต์ขึ้นมาล่ะก็ ความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อทั้งตัวรถยนต์และชีวิตของผู้ขับขี่ถือว่าไม่คุ้มที่จะเสี่ยงเลยถือเดียว บทความนี้ก็พาคุณไปทำความรู้จักว่าไฟไหม้ในรถยนต์เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง และควรเลือกถังดับเพลิงติดรถยนต์แบบไหนที่เหมาะสมกับรถของคุณที่สุด
ประเภทของเพลิงไหม้ที่อาจเกิดในรถ
ถังดับเพลิงมีหลายประเภท ซึ่งประเภทของถังดับเพลิงนั้นโดยทั่วไปแล้วจะจำแนกจากการใช้งาน และเชื้อเพลิงที่ทำให้เกิดเพลิงไหม้ โดยประเภทเพลิงไหม้ที่อาจเกิดได้ในรถ มี 3 ประเภท ดังต่อไปนี้
- เพลิงไหม้ประเภท A เพลิงไหม้ประเภทนี้มีสาเหตุมาจากเชื้อเพลิงธรรมดาที่ติดไฟง่าย หรือของแข็ง ส่วนประกอบของรถยนต์ที่อาจก่อให้เกิดเพลิงไหม้ประเภทนี้ได้ เช่น เบาะรถยนต์
- เพลิงไหม้ประเภท B เพลิงไหม้ประเภทนี้มีสาเหตุมาจากเชื้อเพลิงที่เกิดจากของเหลวติดไฟ น้ำมันเชื้อเพลิง และก๊าซที่สามารถติดไฟได้ ส่วนประกอบของรถยนต์ที่อาจก่อให้เกิดเพลิงไหม้ประเภทนี้ได้ เช่น แก๊สรถยนต์ น้ำมันเครื่อง
- เพลิงไหม้ประเภท C เพลิงไหม้ประเภทนี้มีสาเหตุมาจากเชื้อเพลิงที่เกิดจากอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีกระแสไฟฟ้าไหลอยู่ตลอดเวลา ส่วนประกอบของรถยนต์ที่อาจก่อให้เกิดเพลิงไหม้ประเภทนี้ได้ เช่น การทำงานผิดพลาดของแบตเตอรี่
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องชนิดถังดับเพลิงและประเภทเพลิงไหม้ได้ที่ ถังดับเพลิงมีกี่ชนิด
สิ่งที่ต้องคำนึงในการเลือกถังดับเพลิงติดรถ
น้ำหนัก และขนาด
ควรพิจารณาถึงขนาดและน้ำหนักของถังดับเพลิงติดรถยนต์ในการเลือกซื้อที่เหมาะสม เนื่องจากเป็นการติดตั้งไว้ในรถยนต์จึงควรเลือกถังดับเพลิงขนาดเล็ก หรือถังดับเพลิงพกพา ถังดับเพลิงเล็กติดรถได้ ถังดับเพลิงขนาดพกพาที่ควรติดรถไว้คือ ถังดับเพลิง 2 ปอนด์ ไปจนถึง 5 ปอนด์
ประเภทไฟที่ดับได้
เนื่องจากประเภทเพลิงไหม้ที่อาจเกิดได้ในรถ มี 3 ประเภทคือประเภท A B และ C จึงควรเลือกถังดับเพลิงติดรถยนต์ที่มีคุณสมบัติสามารถดับเพลิงได้ทั้งสามประเภทข้างต้น
ราคา
ถังดับเพลิงมีหลากหลายราคาด้วยกัน โดยมากแล้วราคาของถังดับเพลิงจะขึ้นอยู่กับ
- คุณสมบัติของถังดับเพลิงตามแต่ละประเภท
- ชนิดของสารเคมีที่อยู่ภายในถังดับเพลิง เช่น หากเป็นถังดับเพลิง Co2 อาจมีราคาอยู่ในช่วงระหว่าง 2000 – 6000 บาท
- ขนาดถังดับเพลิง (ถังดับเพลิงขนาดเล็กจะมีราคาถูกกว่าถังดับเพลิงขนาดใหญ่)
- มาตรฐานที่ได้รับการรับรอง
- Fire rating หรือ ความสามารถในการดับเพลิงของถังดับเพลิงแต่ละประเภท และแต่ละขนาด ซึ่งมีผลทำให้ราคาของถังดับเพลิงต่างกัน
ผู้ที่สนใจถังดับเพลิงติดรถยนต์สามารถเลือกซื้อถังดับเพลิงตามคุณสมบัติและราคาที่ต้องการได้
การติดตั้งถังดับเพลิงในรถยนต์
การติดตั้งถังดับเพลิงในรถยนต์ควรติดตั้งในที่ที่สามารถหยิบมาใช้ได้โดยง่าย ทั้งนี้ควรติดตั้งถังดับติดรถยนต์ให้แน่นหนา ไม่ให้หลุดออกมาได้ง่ายเพื่อเลี่ยงอุบัติเหตุอื่นๆ และควรหลีกเลี่ยงการติดตั้งตรงจุดที่สัมผัสแดดโดยตรง จุดที่แนะนำให้ติดตั้งถังดับเพลิงรถยนต์คือ
ติดตั้งภายในห้องโดยสาร
ภายในห้องโดยสารของถรยนต์ ควรติดตั้งถังดับเพลิงขนาดเล็ก หรือถังดับเพลิงขนาด 2 ปอนด์ ไว้อย่างน้อย 2 จุด ได้แก่บริเวณเบาะหน้าใกล้คนขับ และบริเวณเบาะหลัง
ติดตั้งภายในฝากระโปรงหลัง
หากมีพื้นที่บริเวณฝากระโปรงหลังมากพอ แนะนำให้ติดตั้ง ถังดับเพลิงขนาด 15 ปอนด์ เพื่อให้รองรับเพลิงไหม้ขนาดใหญ่ได้ ทั้งนี้หากมีพื้นที่ไม่มากพอก็สามารถเลือกขนาดที่เล็กกว่านี้ได้ตามความเหมาะสม
ถังดับเพลิงชนิดไหนเหมาะกับการพกพาติดรถ
อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้วว่าเพลิงมีหลายประเภท ซึ่งถังดับเพลิงติดรถยนต์ที่สามารถดับเพลิงที่อาจเกิดขึ้นในรถ และมีขนาดถังดับเพลิงเล็กสามารถติดตั้งในรถได้ มีดังนี้
ถังดับเพลิงผงเคมีแห้ง
ถังดับเพลิงผงเคมีแห้ง ขนาด 15 ปอนด์
ภายในถังดับเพลิงเคมีแห้งจะบรรจุผงเคมีแห้ง และก๊าซไนโตรเจน สามารถระระงับปฏิกิริยาเคมีของการเกิดเพลิงไหม้ได้ มีหลายหลายขนาด สำหรับขนาดที่เหมาะสำหรับการติดถังดับเพลิงในรถคือ ถังดับเพลิงขนาด 2 ปอนด์ เนื่องจากมีขนาดเล็ก เคลื่อนย้ายได้สะดวก
ถังดับเพลิงชนิดนี้สามารถใช้ดับเพลิงไหม้ประเภท A B และ C จึงเหมาะที่จะใช้เป็นถังดับเพลิงในรถยนต์
ถังดับเพลิงชนิดโฟม
ถังดับเพลิงโฟม Santo Fire บรรจุน้ำผสมโฟมเข้มข้น (AR AFFF) น้ำยาโฟมจะไปคลุมกองเพลิงป้องกันไม่ให้เพลิงกลับมาลุกไหม้อีกครั้ง มีน้ำหนักเบา พกพาได้สะดวก ถังดับเพลิงชนิดโฟมสามารถดับเพลิงไหม้ประเภท A และ B ได้ แต่ไม่สามารถดับเพลิงไหม้ประเภท C ได้ ข้อควรระวังคือหากติดตั้งเป็นถังดับเพลิงติดรถยนต์ไม่ควรใช้ดับไฟที่เกิดมาจากอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น แบตเตอรี่รถยนต์
ถังดับเพลิงชนิดน้ำยาเหลวระเหย
ภายในถังดับเพลิงน้ำยาเหลวระเหยบรรจุไปด้วยสารฮาโลตรอน (Halotron) หรือสาร HFC-236fa (FE-36) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ทำลายชั้นบรรยากาศ ไม่ทิ้งคราบตกค้างเมื่อฉีด และยังไม่สร้างความเสียหายต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นถังดับเพลิงชนิดมือถือสามารถเคลื่อนย้ายได้
ถังดับเพลิงชนิดน้ำยาเหลวระเหยสามารถใช้ดับเพลิงไหม้ประเภท A, B และ C ได้ จึงเหมาะที่จะใช้เป็นถังดับเพลิงติดรถยนต์
ถังดับเพลิงชนิดเคมีสูตรน้ำ
ถังดับเพลิงสูตรน้ำ หรือ ถังดับเพลิงสูตรละอองน้ำแรงดันต่ำ PurePlus จาก Santo Fire พิเศษกว่าถังดับเพลิงชนิดอื่นๆ ตรงที่สามาถดับเพลิงไหม้ได้มากถึง 4 ประเภท คือ ประเภท A, B, C และ K ได้รับการรองรับฉลากเขียว ปลอดสารพิษ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งยังมีราคาไม่แพง มีหลายขนาด เหมาะสำหรับเป็นถังดับเพลิงรถยนต์
สิ่งที่ควรปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุไฟไหม้รถยนต์
เมื่อเกิดอุบัติเหตุไฟไหม้รถยนต์ขึ้นมา แนวทางปฏิบัติที่คุณเองก็ทำได้ง่ายๆ มีดังนี้
- ตั้งสติ
เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ ได้พบเจอสัญญาณเตือน เช่น กลิ่นแก๊สรั่ว กลิ่นไหม้ สิ่งแรกที่คุณควรทำคือตั้งสติ อย่าตื่นตระหนก ให้พยายามหาว่าต้นเหตุของเพลิงมาจากส่วนไหนของรถยนต์ โดยมากแล้วต้นเพลิงจะมาจากเครื่องยนต์ อาจทำให้เครื่องยนต์ดับได้ ในกรณีนี้ควรปลดเกียร์ว่างหรือไฟฉุกเฉินเพื่อเข้าข้างทาง
- ดับเครื่องยนต์
หลังจากตั้งสติได้แล้ว ควบิดสวิทช์กุญแจเพื่อดับเครื่องยนต์ นำกุญแจกออกมา หยิบถังดับเพลิงติดรถยนต์ออกจากที่ที่ติดตั้งไว้ และไปยังต้นเพลิง
- ดับไฟ
อย่าลืมตั้งสติ! ในกรณีที่เพลิงไหมค่อนข้างหนัก มักมีเปลวไฟแลบออกมา พยายามอย่าตกใจ และให้ใช้ถังดับเพลิงติดรถยนต์ดับไฟโดยการปลดสลักและทำการดับไฟ ฉีดให้ทั่ว และห้ามปิดฝากระโปรงรถต์ในทันทีเพราะอาจเป็นการเติดออกซิเจนให้เชื้อเพลิง ทำให้ไฟลุกติดขึ้นมาอีกได้
- ถอดขั้วแบตเตอรี่
แหล่งพลังงานของรถมาจากแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้า สามารถติดไฟได้ ดังนั้นจึงควรถอดขั้วแบตเตอรี่ออกเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดเปลวไฟขึ้นมาอีก
- โทรหาประกัน
หากมีประกัน หลังทำการดับไฟด้วยตัวเองแล้ว ควรโทรหาประกัยของคุณทันที เพื่อประเมินความเสียหายโดยรวมของรถยนต์ โดยหากสามารถควบคุมไฟดังขั้นตอนที่กล่าวไปข้างต้นได้ ความเสียหายของรถจะไม่มากนัก หากมีสติในทุกขั้นตอนแล้วล่ะก็ คุณจะสามารถบรรเทาความเสียหายได้ทั้งทรัพย์สินและชีวิตเลยทีเดียว
ทั้งนี้ หากไม่สามารถควบคุมเพลิงไหม้ได้ หรือต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อไปยังเบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉินยามไฟไหม้ได้ดังนี้
- 191 – แจ้งเหตุด่วน เหตุร้ายทุกชนิด
- 199 – แจ้งเหตุไฟไหม้ ดับเพลิง
- 1669 – หน่วยฉุกเฉิน (ทั่วประเทศ)
- 1646 – หน่วยฉุกเฉิน (กทม.)
หากคุณกำลังมองหาว่าถังดับเพลิงติดรถยนต์ยี่ห้อไหนดี บริษัท ซานโต ไฟร์ จำหน่ายถังดับเพลิงติดรถยนต์หลายชนิด มีหลากหลายขนาดให้เลือกสรร รับประกันคุณภาพ หรือหากสนใจถังดับเพลิงชนิดอื่นๆ หรืออุปกรณ์กู้ภัยทุกประเภท บริษัทเราก็มีจำหน่ายเช่นเดียวกัน นอกไปจากนี้เรายังมีบริการอบรมการดับเพลิงตั้งแต่ขั้นต้นไปจนถึงขั้นสูง ทั้งยังมีทีมงานมืออาชีพคอยบริการตรวจเช็คและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับอุปกรณ์ดับเพลิงอีกด้วย
หากสนใจสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หน้าเว็บ santo fire หรือสอบถามได้ที่เบอร์โทร 02-245-9560, 02-248-3087 ได้ตลอดวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 8.00 – 17.00 น. ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ จัดจำหน่ายโดยบริษัทซานโต ไฟร์ จำกัด ผู้นำเข้าอุปกรณ์ดับเพลิงเกรดนำเข้าที่รองรับโดยมาตรฐานสากล
Pingback: ไฟไหม้รถยนต์เกิดจากอะไร สาเหตุและวิธีการป้องกันไฟไหม้รถยนต์ ที่ถูกต้อง